Go to Top

9 สิ่งที่คุณยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับคอนแทคเลนส์

− 9 สิ่งที่คุณยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับคอนแทคเลนส์

9 สิ่งที่คุณยังไม่เคยรู้เกี่ยวกับคอนแทคเลนส์

ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ทุกท่าน

แน่นอนอยู่แล้วว่า คอนแทคเลนส์เป็นวิธีที่ใครๆก็ทราบว่า สามารถแก้ไขปัญหาทางด้านสายตาได้ แต่ในแง่ของผู้สวมใส่คอนแทคเลนส์ละ อาจจะไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะพวกเค้าต้องอยู่กับความหวาดกลัวในการใส่คอนแทคเลนส์อยู่ตลอดเวลา กลัวคอนแทคเลนส์หาย หรือ ฉีกขาด ในระหว่างการเดินทาง ทำให้หมดสนุกช่วงวันหยุดเพราะมองเห็นได้แค่ตาข้างเดียว และยังคงเป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้

ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ทุกคน ต้องเคยประสบปัญหาในการที่จะต้องเอานิ้วเลื่อนคอนแทคเลนส์ให้กลับเข้าที่กับตำแหน่งลูกตา มันเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลย เราเชื่อว่าอย่างไรก็ตาม การมองเห็นในระดับ 20/20 ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และนี่จะเป็นสิ่งที่คุณยังไม่เคยรู้เลยเกี่ยวกับคอนแทคเลนส์

 

1. เหตุใด คุณจึงมีความรู้สึกว่าคอนแทคเลนส์แห้งมากในตอนกลางคืน สาเหตุนั้นเกิดจากความเค็มจากน้ำตานั่นเอง

เมื่อหมดวันผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์หลายคนบ่นเรื่องความแห้งของคอนแทคเลนส์ แต่ความจริงแล้วคอนแทคเลนส์ไม่ได้แห้ง แต่เป็นเพราะคอนแทคเลนส์เกิดความเค็มขึ้นต่างหาก โจเบนจามิน, OD, PhD, FAAO ประธานสมาคมระหว่างประเทศผู้ชำนาญการด้านคอนแทคเลนส์ และอาจารย์สอนเกี่ยวกับทัศนมาตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอลาบามา เบอร์มิงแฮม กล่าว

คอนแทคเลนส์ของคุณถูกชโลมไปด้วยน้ำเกลือจากน้ำตาของคุณทั้งวัน และระหว่างวัน น้ำก็ค่อยๆระเหยออกจากดวงตา เหลือไว้เพียงเกลือที่อยู่บนคอนแทคเลนส์  “[เกลือ] เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของดวงตา แต่ความเค็มมากเกินไปก็ไม่ส่งผลดีเหมือนกัน” ดร. เบนจามินกล่าว

 

2. การร้องไห้ทำให้เกลือที่เคลือบอยู่บนดวงตาหลุดออกไป

ถูกต้องแล้ว น้ำตาคือความเค็ม แต่มีบางอย่างที่น่าประหลาดใจกว่านั่นก็คือ น้ำตาที่มาจากการร้องไห้มีเกลือที่ผสมอยู่น้อยกว่าน้ำตาที่หล่อเลี้ยงในดวงตา ดังนั้นเมื่อคุณร้องไห้ออกมา หมายถึงคุณกำลังรบกวนสมดุลของความเค็มในลูกตาอยู่ ซึ่งเมื่อคอนแทคเลนส์ถูกน้ำตาชะล้างความเค็มออกไป จึงทำให้มีความเค็มไม่เพียงพอ อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองได้

โดยรวมแล้วการร้องไห้ก่อให้เกิดการระคายเคืองตาเมื่อใส่คอนแทคเลนส์ และถึงแม้ว่าจะพยายามเคลื่อนคอนแทคเลนส์ใหม่ ก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น เบนจามิน กล่าว

บางทีการสวมแว่นสายตาอาจเป็นตัวเลือกต่อไปก็เป็นได้

 

3. คอนแทคเลนส์นวัตกรรมใหม่มี 3 ชั้น เพื่อช่วยแก้ปัญหานี้

หลังจากค้นคว้ามาเป็นทศวรรษ เกี่ยวกับปัญหาของผู้ใส่คอนแทคเลนส์แล้วไม่สบายตา ในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ บริษัท Alcon ผู้ผลิตคอนแทคเลนส์ ได้ปล่อย คอนแทคเลนส์รูปแบบใหม่ออกมา คือ The Alcon Dailies Total 1 (คอนแทคเลนส์แบบรายวัน) คอนแทคเลนส์รูปแบบใหม่นี้ เป็นรุ่นแรกที่เป็นแบบ 3 ชั้น รุ่นเดียวที่ผลิตออกมาแทนรุ่นเก่า

โดยผิวของชั้นที่อุ้มน้ำตรงกลางทั้ง 2 ชั้น ครอบคลุมด้วย ไฮโดรเจล ซิลิโคน (silicone hydrogel)  ซึ่งไฮโดรเจล ซิลิโคน นี้ อุ้มน้ำได้มากกว่าเลนส์แบบเก่า ทำให้เพิ่มความชุ่มชื้นในลูกตาได้มากกว่า ทั้งยังมีลักษณะเลนส์ที่บางและมีประสิทธิภาพมากกว่า

เบนจามินกล่าวว่า พวกเขาดูเหมือนจะชอบเลนส์แบบพิเศษนี้มาก ทั้งๆที่ Alcon’s AquaComfort Plus (คอนแทคเลนส์รุ่นเก่า) ถูกรักษาไว้ด้วยวัสดุ polyvinyl alcohol — เป็นสารที่ใช้ในการรักษาอาการตาแห้งได้ดี

 

4. คอนแทคเลนส์แบบรายวันดีสำหรับสุขภาพตา

คอนแทคเลนส์มีหลากหลายแบบ มีทั้งแบบรายวัน รายอาทิตย์ รายเดือน เบนจามิน กล่าวว่า แนะนำให้ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์เพื่อแก้ไขสายตาสั้น เอียง ซึ่งใช้คอนแทคเลนส์แบบระยะยาวอยู่ คือ รายเดือน และรายปี เปลี่ยนมาใช้เป็นรายวันแทน เนื่องจากปลอดภัยกว่า

ใช้คอนแทคเลนส์แบบรายวัน เมื่อหมดวันก็สามารถโยนทิ้งได้เลย ไม่ต้องมาคอยล้างและเก็บไว้ในกล่องเก็บเลนส์ ซึ่งหมายความว่า เราก็สามารถเลี่ยงแบคทีเรียที่เพิ่มขึ้นในทุกๆวันจากกล่องคอนแทคเลนส์ได้ และไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อด้วย

“ไม่ว่าคุณจะทำความสะอาดเลนส์ได้ดีเพียงใด แต่คุณก็ไม่มีทางที่จะขจัดเชื้อโรคออกไปได้หมดแน่นอน” เบนจามิน กล่าว การติดเชื้อไม่เคยเกิดขึ้นจากคอนแทคเลนส์รายวัน

 

5. ใช้คอนแทคเลนส์รายวันแค่แพงกว่าเท่านั้น

ปัญหาหลักของคอนแทคเลนส์รายวันที่เบนจามินได้ยินมาจากผู้ใส่คอนแทคเลนส์คือ ราคาแพงกว่าคอนแทคเลนส์รายเดือน และรายปี แต่ถ้าคุณลองคำนึงถึงปัญหาที่จะเกิดตามมามากมาย ถ้าคุณทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ไม่สะอาดพอ การใส่คอนแทคเลนส์รายวันก็ราคาพอๆกับคอนแทคเลนส์แบบระยะยาวเลยนะ

สำหรับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ระยะยาว จะดีกว่ามากถ้าคุณจะใส่คอนแทคเลนส์บ่อยๆ เพราะคอนแทคเลนส์ไม่ควรแช่ในน้ำยานานเกินไป

 

6. คอนแทคเลนส์สามารถปรับความโค้งของกระจกตาได้ ถ้าคุณใส่นอน

ฟังดูเหมือนโลกอนาคต สำหรับผู้ใส่คอนแทคเลนส์นอนตอนกลางคืนที่ตื่นมาพร้อมกับสายตาที่ชัดแจ๋วในตอนเช้า

แต่ขั้นตอนการปรับรูปแบบกระจกตานี้เรียกว่า orthokeratology, or ortho-K ( การที่ความโค้งของผิวกระจกตาเปลี่ยนรูปไปชั่วคราว (โดยเฉพาะใส่คอนแทคเลนส์นอน) เนื่องจากการกดทับของคอนแทคเลนส์ ) มีมานานหลายปีแล้ว

เลนส์ An ortho-K เปลี่ยนแปลงความโค้งของผิวกระจกตาในตอนกลางคืน , เพื่อแก้ไขค่าสายตาสั้น และ เพื่อรักษารูปร่างของกระจกตาไว้ตลอดทั้งวัน กระบวนการนี้เหมาะสำหรับเด็กและเยาวชนที่มีวิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปและใช้งานได้เฉพาะในสายตาสั้นที่อยู่ในระดับปานกลางคอนแทคเลนส์นี้แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่ชอบใส่คอนแทคเลนส์และแว่นสายตา หรือ ผู้ที่ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ (ว่ายน้ำ เช่น เมื่อใส่คอนแทคเลนส์ว่ายน้ำทำให้ติดเชื้อได้) ราคาหลากหลาย ขึ้นอยู่กับคนไข้ตอบสนองการรักษาได้ดีแค่ไหน

 

7. คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดเดียวที่สามารถแก้ไขความบิดเบี้ยวบนพื้นผิวกระจกตาได้

คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดแรกที่ยังคงมีอยู่ และเป็นสิ่งที่ดี เพราะคอนแทคเลนส์ชนิดแข็งนี้เป็นเลนส์ประเภทเดียวที่แก้ไขความบิดเบี้ยวบนพื้นผิวของกระจกตาได้ (เช่นผิวกระจกตาที่มีรอยข่วนเล็กๆหรือแผลเป็น) เลนส์แข็งไม่ได้สัมผัสกับตาโดยตรง ดังนั้นเมื่อใส่คอนแทคเลนส์ มันจึงดักจับของเหลวตรงรอยแผลที่อยู่ระหว่างเลนส์และดวงตาได้ เมื่อของเหลวเพียงพอก็ทำให้แก้ไขการมองเห็นที่บิดเบี้ยวบนผิวกระจกตาได้ หรือ ช่วยทำให้ตาไม่พร่า เลนส์นุ่มสามารถแก้ไขอาการตาพร่าได้ แต่ไม่ได้แก้ไขการมองเห็นที่บิดเบี้ยวได้ “สำหรับคนที่มีอาการบาดเจ็บที่เกิดจากบาดแผลทางตา นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาสามารถมองเห็นได้” เบนจามินกล่าว

 

8. คอนแทคเลนส์ถูกผลิตขึ้นจากแก้ว ในปลาย ค.ศ.1800

ความจริงแล้ว คอนแทคเลนส์เริ่มผลิตขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาผู้ที่ดวงตามีความเสียหายอย่างรุนแรง มากกว่านำมาใช้กับผู้ที่มีปัญหาทางสายตา ในปลายศตวรรษที่ 19

เลนส์ขึ้นรูปโดยการเป่าจากแก้ว และวางบนดวงตาโดยใส่วุ้นที่ทำมาจากสัตว์นิดหน่อย ซึ่งวุ้นนี้สามารถเติมเต็มได้ทุกส่วนที่ดวงตาเสียหาย เพื่อช่วยให้สามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง

ต่อมาจักษุแพทย์ได้เล็งเห็นว่าเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ในการแก้ไขสายตาสั้นและสายตายาวได้ด้วย

 

9. คอนแทคเลนส์ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “กล้องโทรทัศน์”

ในช่วงปลาย ค.ศ.1800 ก่อนหน้าที่คอนแทคเลนส์จะได้รับความนิยม และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกในศตวรรษที่ 20

คอนแทคเลนส์ต้นแบบได้ถูกพัฒนาขึ้นในปีค.ศ.1821 ผู้พัฒนาคือ John William Herschel เขาเป็นลูกชายของ นักดาราศาสตร์  ชื่อ William Herschel ซึ่งถูกตั้งชื่อในสเปนว่า กล้องโทรทัศน์เฮอร์เชล (the Herschel Telescope) ทั้งคู่ คุ้นเคยกับการเจียรนัยเลนส์สำหรับนำมาใช้กับกล้องโทรทัศน์ และ John เป็นคนแรกที่เริ่มเจียรนัยเลนส์ให้มีขนาดเล็กมากเพื่อนำมาใช้เพื่อพัฒนาการมองเห็นของมนุษย์ให้ดีขึ้น

 

 

 

 

 

อ้างอิงจาก

everydayhealth.com