Go to Top

8 วิธีง่ายๆ ดูแลสุขภาพตาให้กลับมาสุขภาพดีกว่าเดิม

− 8 วิธีง่ายๆ ดูแลสุขภาพตาให้กลับมาสุขภาพดีกว่าเดิม

8 วิธีง่ายๆ ดูแลสุขภาพตาให้กลับมาสุขภาพดีกว่าเดิม

เมื่อพูดถึงเรื่องสุขภาพ คุณอาจจะเข้าใจว่า คือการกินวิตามิน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และ ทานของหวานให้พอประมาณ แต่คุณอาจจะมองข้ามการดูแลสุขภาพตาของคุณไป 

จากผลการสำรวจของ Bausch + Lomb พบว่า 70% ของกลุ่มตัวอย่าง ยอมที่จะสูญเสียแขนขาของพวกเขา แทนที่จะสูญเสียการมองเห็น แต่รู้หรือไม่ว่าพวกเขาไม่เคยรู้วิธีดูแลสายตาของพวกเขาอย่างถูกต้องเลย

SUPREME iLASIK จึงขอนำคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ของสุดยอดผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำทิปส์เล็กๆน้อยๆ เพื่อช่วยให้คุณดูแลสุขภาพดวงตาได้อย่างถูกต้อง และมีดวงตาที่สุขภาพดีและสวยงามตลอดไป ด้วยการทำ 8 วิธีง่ายๆ ดูแลสุขภาพตาให้กลับมาสุขภาพดีกว่าเดิม

 

1. ถอดคอนแทคเลนส์ก่อนนอนทุกครั้ง

ด้วยความเหนื่อยล้าที่ต้องทำภาระกิจในแต่ละวัน ทำให้คุณอยากจะนอนไปเลย ทั้งๆที่ยังไม่ได้ถอดคอนแทคเลนส์ นั่นเป็นสาเหตุให้หลายๆคนมีอาการตาแห้ง และตาแดงได้ในวันรุ่งขึ้น คุณอาจคิดไม่ถึงว่าการไม่ถอดคอนแทคเลนส์ก่อนนอนนั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงปัญหานี้ให้มากที่สุดเนื่องจากนิสัยเหล่านี้อาจเป็นอันตรายมากกว่าที่คุณคิด

“เมื่อคุณไม่ถอดคอนแทคเลนส์ออกในเวลากลางคืน ทำให้กระจกตาขาดออกซิเจน , ขาดสารอาหาร และขาดสารหล่อลื่นสำหรับดวงตา” ราเชลเจ. บิชอป, MD, MPH หัวหน้าแผนกบริการให้คำปรึกษา สถาบันแห่งชาติตาและสถาบันสุขภาพแห่งชาติ กล่าว

“เป็นสาเหตุที่ทำให้ ตาแดง และอาจนำไปสู่การติดเชื้อ ส่งผลทำให้สูญเสียการมองเห็นในที่สุด แต่ในวันใดถ้าหากคุณเผลอหลับไปกับคอนแทคเลนส์ ตื่นเช้ามาก่อนถอดคอนแทคเลนส์ คุณควรใช้น้ำตาเทียมหยอดก่อนที่จะถอดคอนแทคเลนส์ออกเพื่อลดอาการตาแห้งและ เลนส์ที่ยึดติดกับดวงตาได้” บิชอปอธิบาย

 

2. ถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ซะ

เลิกเป็นทาสคอมพิวเตอร์ทั้งวัน และ ดู Facebook ตอนกลางคืนก่อนนอนได้แล้ว คุณควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะเกิดความหายนะกับสายตาของคุณ เพราะการจ้องคอมพิวเตอร์นานๆเป็นสาเหตุของอาการตาแห้ง , ดวงตาเหนื่อยล้า และการมองเห็นไม่ชัด  ข้อมูลจาก American Optometric Association อธิบายอาการต่างๆว่าเป็นอาการวิสัยทัศน์ Computer Vision (Computer Vision Syndrome หรือ CVS) ซึ่งเป็นอาการของผู้ที่ใช้เวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวันกับการจ้องมองเครื่องคอมพิวเตอร์

เพื่อป้องกันภาวะ CVS หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ที่ประมาณ 15 ถึง 20 องศา ใต้ระดับสายตา และหน้าจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ห่างจากดวงตาประมาณ 20 ถึง 28 นิ้ว นอกจากนี้ยังควรหยุดพักสายตาบ่อยๆ “ทุกๆ 20 นาที โดยการมองดูวิวหรือสิ่งของที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 20 ฟุตเป็นเวลา 20 วินาที” Teri Geist, OD ผู้ให้คำปรึกษาในโอมาฮาเนบราสก้าและโฆษกของสมาคม Optometric แห่งอเมริกากล่าว

วิธีบรรเทาอาการตาแห้ง และ ตาแดง ควรใช้น้ำตาเทียมเพื่อบรรเทา ทานอาหารเสริมกรดไขมันโอเมก้า 3  สามารถช่วยป้องกันความแห้งกร้านได้ด้วย ปรึกษาปัญหาสายตากับช่างวัดสายตาหรือจักษุแพทย์ เพราะสามารถแนะนำแบรนด์น้ำตาเทียมที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ และอาหารเสริมที่เหมาะสมกับตัวคุณอย่างเช่น น้ำมัน flaxseed หรือน้ำมันปลา

 

3. หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ

การขยี้ตาแรงๆเมื่อมีอาการคันหรือเมื่อกำลังรู้สึกตึงเครียด ทำให้เกิดปัญหาตามมาในทันทีและระยะยาว ยกตัวอย่างในกรณีที่เป็นโรคภูมิแพ้จะทำให้เกิดอาการคันมากขึ้นและเรื้อรัง “การขยี้ดวงตาของคุณอาจทำให้ภูมิแพ้รุนแรงขึ้นได้โดยการกระตุ้นเซลล์ที่ทำให้สารฮีสตามีนหลั่งออกมา ซึ่งจะทำให้เกิดอาการคันและแดงมากขึ้น” Susan Resnick, นักโภชนาการในเมืองนิวยอร์ก กล่าว

นอกจากนี้การขยี้ตายังนำแบคทีเรียและไวรัสเข้าไปในดวงตาซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อหรือเพิ่มโอกาสในการกระตุ้นสายตาเอียงหรือการเปลี่ยนแปลงของกระจกตา Resnick กล่าวเสริม 

หากคุณกำลังรับมือกับอาการแพ้อยู่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รักษาโรคภูมิแพ้ก่อน: ใช้ antihistamine ใช้น้ำตาเทียมหยอดตาหรือใช้ถุงน้ำแข็งประคบที่ดวงตา สำหรับยาแก้แพ้ลดภูมิคุ้มกันช่วยควบคุมการอักเสบและอาการคันได้ เมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าตาทำให้เกิดอาการคันให้ล้างออกด้วยน้ำตาเทียมและพยายามไม่สัมผัสดวงตาหลังจากนั้น

 

4. ใส่แว่นกันแดด

เช่นเดียวกับที่คุณปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด ดังนั้นดวงตาก็เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณอยู่ใกล้กับองค์ประกอบที่สะท้อนแสงได้เช่นน้ำ หรือ หิมะ “อันตรายต่อดวงตาจากการสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานานไม่สามารถซ่อมแซมได้” Geist กล่าว “การสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลตอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อดวงตาและทำให้แก่ก่อนวัยอันควร”

ผลกระทบในระยะยาว ได้แก่ ต้อกระจก , มะเร็ง , จอประสาทตาเสื่อม และ เรตินาถูกทำลาย “ถ้าดวงตาของคุณสัมผัสกับรังสียูวีที่มากเกินไปในช่วงเวลาสั้น ๆ คุณจะประสบภาวะที่เรียกว่า photokeratitis, หรือ ตามีอาการเจ็บปวด “หลังจากแดดเผา”

โชคดีที่ยังมีตัวช่วยมากมายในการป้องกันดวงตา คือ แว่นตากันแดด นั่นเอง คุณควรเลือกแว่นที่มีการป้องกันรังสี UVA / UVB 99 เปอร์เซ็นต์ ถ้าอยู่สถานที่ ที่มีแสงแดดรุนแรงเช่นชายหาด , ทะเลสาบ หรือ หิมะปกคลุมเยอะๆ คุณควรใส่แว่นตากันแดดแบบคลุมรอบดวงตา เพื่อป้องกันไม่ให้รังสียูวีเข้าตามากเกินไป

ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์อาจได้รับประโยชน์จากการใส่ เนื่องจากตัวเลนส์คลุมผิวกระจกตาไว้ ซึ่งทำให้สามารถป้องกันไม่ให้แสงที่ด้านใต้และรอบๆแว่นตากันแดด เข้าตาได้ตามปกติ

 

5. ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าเป็นประจำ

การแต่งตาด้วยเมคอัพและแปรงแต่งหน้า เป็นสิ่งที่สาวๆมองข้ามไปได้ง่ายๆ แต่การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยให้ดวงตาของคุณมีสุขภาพดีได้ 

“แปรงแต่งหน้าเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียชั้นดี เช่นเดียวกับอายแชร์โดเก่าๆ” เลสนิค กล่าว  แบคทีเรียอาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่เปลือกตา , เนื้อเยื่อสีชมพูที่ตาด้านใน , ขอบตาด้านในและด้านนอก และ ลูกตาได้ ถ้าเกิดอาการติดเชื้อ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ทิ้งเครื่องสำอางค์เก่าทั้งหมดที่ใช้อยู่ และซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับดวงตา จำไว้ว่าควร เปลี่ยนมาสคาร่าใหม่ทุกๆ 4-6 เดือน , เปลี่ยนอายแชร์โด ทุกๆปี อย่าลืมว่าควรเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวและครีมเบสในเวลาที่เร็วกว่านั้น ,จดบันทึกวันที่เปิดใช้ผลิตภัณฑ์ และติดไว้กับผลิตภัณฑ์เพื่อกันลืมว่าซื้อมาเมื่อไหร่

ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าอย่างน้อยเดือนละครั้ง ด้วยสบู่เหลวของเด็กและน้ำสะอาด และไม่ควรใช้เครื่องสำอางค์กับผู้อื่น หรือแต่งหน้าตามเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ (2 วิธีนี้ ช่วยลดการติดเชื้อที่ไม่พึงประสงค์ได้)

 

6. เลิกติดขนตาปลอม

แม้ว่าการติดขนตาปลอมจะเป็นวิธีที่ง่ายและเร็ว ที่จะทำให้ตาดูโตขึ้น และดูสวยขึ้นทันทีสำหรับสาวๆ แต่อาจจะส่งผลร้ายให้แก่คุณมากกว่าผลดี ถ้าคุณเป็นคนที่มีดวงตาที่แพ้ง่าย

“กาวติดขนตาปลอมเป็นตัวสะสมสิ่งสกปรกไว้เยอะมากกว่าที่คุณคิด เพราะกาวเป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อใช้กับดวงตา และทำหน้าที่เหมือนแม่เหล็กเพื่อดูด น้ำมันและแบคทีเรีย” บิชอป กล่าว ถ้าคุณสาวๆยังคงชอบที่จะติดขนตาปลอมอยู่ละก็ แนะนำว่า เมื่อคุณถึงบ้านแล้วคุณควรถอดขนตาออกทันที

 

7. รับประทานอาหารหลากสี

สีส้ม (ที่มาจากแครอท) ไม่ใช่ผักสีเดียวที่ช่วยบำรุงดวงตา การรับประทานอาหารที่หลากหลายสีสันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพดวงตาที่ดีที่สุด ซึ่งความเป็นจริงเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าอาหารประเภทไหนที่บำรุงหัวใจ นั่นคือ ผักสีเข้ม และผลไม้ ซึ่งผักและผลไม้เหล่านี้ก็บำรุงดวงตาของเราด้วยเช่นกัน” บิชอบกล่าว

เหตุผลที่ต้องเลือกอาหารที่รับประทาน เนื่องจากอาหารที่ช่วยให้หัวใจแข็งแรงช่วยป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูงซึ่งมักจะนำไปสู่ปัญหาสายตา

การวิจัยชี้ให้เห็นว่าผักผลไม้ที่มีสีสันเช่น ผักคะน้า, ผักโขม , แครอท และผลเบอร์รี่ ช่วยปกป้องดวงตา เพราะมีสารอาหารอย่าง lutein และ zeaxanthin ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสองชนิด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพตามวัยของกล้ามเนื้อ และ เนื้อเยื่อได้ อาหารเหล่านี้ยังมีวิตามิน A, C และ E ซึ่งช่วยลดโรคภัยต่างๆได้อีกด้วย

 

8. ตรวจสุขภาพตาบ้าง

ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้มีปัญหาสายตา จนต้องสวมแว่นสายตา หรือ คอนแทคเลนส์ ก็ตาม แต่คุณควรที่จะตรวจสุขภาพตาของคุณบ้าง สถาบันสุขภาพแห่งชาติ แนะนำว่า ให้ทำการตรวจตาอย่างครบถ้วนทุก 5 ถึง 10 ปีสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 39 ปี สำหรับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ ควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี หรือถ้าคุณอายุเกิน 40 ปีและมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีอยู่ แนะนำว่า ควรได้รับการตรวจสุขภาพตาทุกๆ2-4 ปี

ร้องขอกับเจ้าหน้าที่และแพทย์ ให้มีการตรวจขยายม่านตา เพื่อตรวจภายในจอประสาทตา และค่าสายตาที่แท้จริง เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทราบว่า ดวงตาของเราปกติดีจริงๆหรือไม่ เพราะโรคที่มีผลกระทบต่อการมองเห็นของดวงตา ไม่มีอาการบ่งบอกเพื่อเป็นสัญญาณเตือนใดๆก่อนล่วงหน้า ดังนั้น การตรวจโดยการขยายม่านตา เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยหาโรคภายในดวงตาที่แท้จริงได้ บิชอป กล่าว

การขยายม่านตาทำให้แสงเข้าไปภายในม่านตาได้มากขึ้น ทำให้แพทย์สามารถตรวจสุขภาพภายในตา เช่น เรติน่า และ จอประสาทตา ภายในได้ชัดเจนมากขึ้น

 

 

 

 

อ้างอิงจาก 

everydayhealth.com