FAQ – คำถามที่ถูกถามบ่อย ในการทำเลสิค

iLASIK คือ รูปแบบใหม่ของการทำ LASIK โดยใช้เทคโนโลยีจากอเมริกา สำหรับการแก้ไขปัญหาสายตาผิดปกติด้วยเลเซอร์ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวัดสภาพความผิดปกติในการรวมแสงของตา, ใช้เลเซอร์เปิดผิวกระจกตา จนกระทั่งปรับแต่งพื้นผิวกระจกตาด้วยลำแสงเลเซอร์ซึ่งปรับเปลี่ยนขนาดลำแสง ได้ มีผลการศึกษาวิจัย๑ผลการรักษาสายตาด้วยวิธี LASIK พบว่า มีโอกาสสูงที่จะมองเห็นได้ชัดเจนเทียบเท่าตาปกติ อีกทั้งมีโอกาสเพิ่มศักยภาพสูงสุดในการมองเห็นดีกว่าเม

iLASIK คือ รูปแบบใหม่ของการทำ LASIK โดยใช้เทคโนโลยีจากอเมริกา สำหรับการแก้ไขปัญหาสายตาผิดปกติด้วยเลเซอร์ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวัดสภาพความผิดปกติในการรวมแสงของตา, ใช้เลเซอร์เปิดผิวกระจกตา จนกระทั่งปรับแต่งพื้นผิวกระจกตาด้วยลำแสงเลเซอร์ซึ่งปรับเปลี่ยนขนาดลำแสง ได้ มีผลการศึกษาวิจัย๑ผลการรักษาสายตาด้วยวิธี LASIK พบว่า มีโอกาสสูงที่จะมองเห็นได้ชัดเจนเทียบเท่าตาปกติ อีกทั้งมีโอกาสเพิ่มศักยภาพสูงสุดในการมองเห็นดีกว่าเม

• การรักษาด้วยการผ่าตัดตานั้นเกิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1963
• การใช้แสงเลเซอร์รักษาสายตา (Excimer Laser) เริ่มใช้ในปี ค.ศ. 19 89 โดยใช้แสงเลเซอร์ปรับแต่งรูปร่างกระจกตา วิธีนี้เรียกว่า Photorefractive Keratectomy (PRK)
• ต่อมาในปี 1991 ได้มีการรวม Excimer Laser เข้ากับ PRK โดยการแยกชั้นกระจกตา หรือเปิดผิวกระจกตาและใช้ Excimer Laser ในการปรับแต่งกระจกตา ได้ละเอียดมากขึ้นและส่งผลให้ทำให้การรักษาดีขึ้น การรักษาแบบนี้เรียกว่า LASIK ซึ่งทางแพทย์ ของศูนย์สุพรีม ไอเลสิคได้ทำการรักษาสายตาแบบ LASIK มาตั้งแต่ปี 1997 ซึ่งเป็นปีแรกที่ได้นำ LASIK เข้ามาในประเทศไทย
• ตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา มีการนำเลเซอร์รูปแบบใหม่คือ IntraLase มาใช้เป็นทางเลือกในการเปิดผิวกระจกตาเป็นรายแรก นอกเหนือจากการใช้ใบมีดในการเปิดผิวกระจกตา จนถึงปัจจุบันนี้ IntraLase เปิดกระจกตามากกว่า 4 ล้านนัยน์ตา iLasik ผ่านการแก้ไขสายตามากกว่า 15 ล้านนัยน์ตา

ไม่เจ็บปวด เพราะก่อนการรักษาจะมีการหยอดยาชา ซึ่งอาจจะรู้สึกตึงตาเมื่อเปิดตาให้กว้าง รวมทั้งการใช้แสงเลเซอร์ทั้งกระบวนการจะลดความบอบช้ำได้มาก

Supreme iLasik เป็นคลินิก Lasik ที่ได้นำเทคโนโลยี แตกต่าง 3 ขั้นตอนเพื่อทำการรักษาผู้ที่มีปัญหาสายตาผิดปกติ สั้น ยาว และ เอียง อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีทั้งสาม มีองค์ประกอบ ดังนั้น

1) เทคโนโลยีเปิดผิวกระจกตา โดยใช้ “IFS FemtoSecond Laser”

1. สามารถขึ้นรูปขอบ ที่มีความแข็งแรงเพิ่ม 2-3 เท่าตัว
2. สามารถเปิดผิวกระจกตาได้ในเวลาไม่ถึง หรือสูงสุดเพียง 10 วินาที ขจัดปัญหาอันเกิดจากการเลื่อน หรือการกรอกลูกนัยน์ตา
3. ให้ความราบเรียบสูง รวมทั้งความหนาคงที่ ตั้งศูนย์กลางได้เที่ยงตรง
4. สามารถเปิดกระจกตาในรูปแบบวงรี เพื่อครอบคลุมเต็มหน้ากระจกตาเป็นผลให้เลเซอร์ทำงานได้เต็มพื้นที่
5. กระจกตาจะคืนตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งลดปัญหาตาแห้ง

2) เทคโนโลยี “WaveScan” ตรวจวิเคราะห์ความเพี้ยนของพื้นผิวกระจกตา คือ

1. กระจายจุดวิเคราะห์ถึง 240 จุด บนเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 มิลลิเมตร ทำให้ได้ผลลัพธ์ละเอียดครอบคลุมตลอดกระจกตา
2. สามารถเก็บลายม่านตา โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 24 ส่วน ใช้ยืนยันตัวผู้ต้องการแก้ไขสายตา รวมทั้งจับการเคลื่อนไหวของ ลูกนัยน์ตา ทำให้การแก้ไขกระจกตาถูกกระทำบนตำแหน่งที่ถูกต้อง

3) เทคโนโลยี “Excimer LASER VISX STAR S4 IR” เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์แก้ไขสายตา ดังนี้

1. สามารถแบ่งลำแสงเลเซอร์ออกเป็น 7 ส่วน จากนั้นหมุนลำแสง ทั้ง 7 ด้วยความเร็ว ยังผลให้พลังงานเลเซอร์มีพลังงานสม่ำเสมอ
2. สามารถปรับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำแสงตั้งแต่ 0.65-6.50 มิลลิเมตร ตามขนาดเนินกระจกตาที่เพี้ยนไปยังผลให้สามารถปรับแต่งผิวกระจกตาได้เต็ม พื้นที่
3. รองรับการยืนยันข้อมูลวิเคราะห์ความเพี้ยนพื้นผิวกระจกตา ด้วยข้อมูลลายม่านตา 24 ส่วน จากเครื่อง WaveScan
4. จับการหมุนของลูกนัยน์ตา เพื่อที่แก้ไขกระจกตาให้ถูกต้องตรงตามตำแหน่งที่ต้องการแก้ไข

หมายเหตุ : การออกแบบข้อ 3.1-3.3 ทำให้ลดอัตราเนื้อเยื่อกระจกตาที่ต้องขัดลง

จากรูปแบบศัลยกรรมต่างๆทั้งหมด มีความเป็นไปได้ของผลข้างเคียงจากการทำศัลยกรรม อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงซึ่งกระทบต่อสายตาอยู่ในอัตราต่ำ และ LASIK เป็นหนึ่งในขบวนการซึ่งปลอดภัย ความเสี่ยงซึ่งมักประสบสูงสุดจากการทำศัลยกรรมเลเซอร์ตาคือ การติดเชื้อ จากข้อมูลวิจัยคลินิกของ LASIK ศึกษาจากคนไข้ 60,000 ราย มีรายงานเพียง 2 รายถึงสภาวะติดเชื้อ ซึ่งทั้งคู่สามารถแก้ไขโดยการใช้ยาปฏิชีวนะพร้อมผลลัพธ์ที่ดีวิธีป้องกันการ ติดเชื้อที่ดี มีข้อแนะนำให้หลีกเลี่ยงนัยน์ตาสัมผัสกับน้ำ ประมาณ 2 สัปดาห์การทำ LASIK ผลข้างเคียงโดยมากอยู่ในอัตราต่ำ และไม่สร้างผลกระทบต่อการมองเห็นรวมถึงการแก้ไขสายตาที่ต่ำกว่า หรือสูงกว่าค่าสายตาจริง ทั้งการมัวในการมองเห็น(มีขอบเงา, แสงสะท้อน, แสงแตกกระจาย, ภาพซ้อน) ซึ่งรายงานปัญหามีต่ำกว่า 0.5 %

การแก้ไขสายตาด้วย iLASIK นี้จะใช้เวลาไม่นาน โดยจะเป็นการปรับความโค้งที่ผิดรูปของผิวกระจกตา (ความโค้งของผิวกระจกที่ผิดรูปนี้เป็นสาเหตุอย่างหนึ่งของสายตาสั้น ยาว เอียง) โดยมีขั้นตอนการทำต่าง ๆ ดังนี้

• ประเมินสายตาของผู้มารับบริการว่าเหมาะสมที่จะเป็นผู้ที่สามารถทำ iLASIK ได้หรือไม่โดยจักษุแพทย์

ผู้รับบริการจะได้รับการวิเคราะห์พื้นผิวกระจกตา (3D mapping) ด้วยเครื่อง Computer

• จักษุแพทย์จะนัดมาทำการเปิดผิวกระจกตาด้วยแสงเลเซอร์

ผู้มารับบริการจะได้รับการหยอดยาชา เพื่อระงับความรู้สึกที่ดวงตา

• จักษุแพทย์จะปรับความโค้งของกระจกตา ให้สอดคล้องกับพื้นผิวกระจกตาที่วิเคราะห์ไว้แล้ว

การปรับความโค้งของกระจกตานั้นเป็นการทำงานด้วยเครื่อง Computer ทั้งหมดโดยมีจักษุแพทย์เป็นผู้ควบคุมการทำงาน

• เมื่อสิ้นสุดขั้นตอนการทำ ผู้มารับบริการจะถูกแนะนำให้สวมที่ครอบตา หรือแว่นตากันแดด พร้อมคำแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวหลังการทำ

• จักษุแพทย์จะนัดตรวจเพื่อติดตามผลการรักษาเป็นระยะ ๆ ดังนี้ หลังการทำ 1 วัน, 1 สัปดาห์, 1 เดือน, 3เดือน, 6 เดือน, และ 1 ปี

การฟื้นตัวแบ่งเป็น 2 ระดับ

• ระดับแรก คือ การมองเห็นซึ่งคนไข้จะมองเห็นได้ทันที 80-90 เปอร์เซ็นต์ หลังจบกระบวนการรักษา
• ระดับที่สอง คือ การปรับคืนตัวของกระจกตา ซึ่งจะขึ้นกับระดับสายตาเดิม เช่นเดิมน้อยกว่า 5 diopters ก็จะคืนตัวสุดใน 3-4 วัน หากเกิน 5 diopters จะคืนตัวสุดใน 3สัปดาห์ ทั้งนี้สายตาจะปรับร่วมไปกับการคืนตัวจนสมบูรณ์ขึ้น เป็นสายตาใหม่หลังการรักษา

การปฏิบัติตัวหลังทำ iLASIK หลังตรวจครบ 1 สัปดาห์ – 1 เดือนแรก

• งดการว่ายน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
• งดการดำน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน
• ควรมาตรวจตามแพทย์นัด
• หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ ควรติดต่อกลับมาที่ SUPREME iLASIK ทันที

การปฏิบัติตัวหลังทำ iLASIK หลังตรวจครบ 1 เดือน

• สามารถดำเนินกิจกรรมหรือการเล่นกีฬาได้ตามปกติ
• หากมีอาการตาแห้ง ควรหยอดน้ำตาเทียมตามคำแนะนำของแพทย์
• ควรมาตรวจตามแพทย์นัด
• หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ ควรติดต่อกลับมาที่ SUPREME iLASIK ทันที